‘เหี่ยว’รับรู้สึกเหมือนคนในครอบครัวอำลาหลัง’กิ๊บส์’ย้าย

อาร์แซน เวนเกอร์ ขงเบ้งเลือดน้ำหอมของอาร์เซน่อลยอมรับว่าการปล่อยคีแรน กิ๊บส์ไปให้กับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนเป็นเหมือนกับการเสียคนในครอบครัวไปคนนึงเลยทีเดียว
อาร์แซน เวนเกอร์ พูดถึง ฟูลแบ็คเลือดผู้ดีได้ย้ายออกจากอาร์เซน่อลไปอยู่ในถิ่นเดอะ ฮอว์ธอร์นสในวันก่อนปิดตลาดซื้อขายเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และเขาจะกลับมาเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมในเกมพรีเมียร์ลีกวันจันทร์นี้ที่เวสต์บรอมวิชจะเจอกับ”ปืนใหญ่”
กิ๊บส์ผ่านการก้าวจากอคาเดมี่ของอาร์เซน่อลขึ้นสู่ชุดใหญ่ด้วยวัย 18 ปีและหลังจากนั้นมาก็ผ่านการลงสนามให้สโมสรมากถึง 230 นัดในทุกรายการ
เขาได้รับโอกาสน้อยนิดในฤดูกาลก่อนลงเล่นพรีเมียร์ลีกไปแค่ 11 นัดและจากที่เซอาด โคลาซินัคย้ายเข้ามาในช่วงซัมเมอร์เลยทำให้แข้งวัย 27 ปีต้องเก็บข้าวของย้ายออกจากสโมสร
เมื่อถามว่าการปล่อยกิ๊บส์ออกจากทีมไปเป็นเหมือนการเสียคนในครอบครัวหรือไม่ เวนเกอร์ตอบว่า “แน่นอนและผมเชื่อว่าเป็นเรื่องอยากสำหรับนักเตะด้วยเหมือนกันที่เลือกเส้นทางนั้น”
“เขาไม่ได้ขอย้าย มันเป็นการตัดสินใจร่วมกันทั้งสองฝ่าย เขาอยากลงสนาม เขาอายุ 27 หรือ 28 แล้ว อายุขนาดนั้นแล้วคุณก็อยากลงเล่น”
“เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากแต่ในอีกด้านนึงเมื่อมีคนมอบเวลาให้คุณมาหลายปี คุณก็ต้องยอมรับเรื่องนั้นถ้าหากเขาไม่แน่ใจกับการลงสนาม”
“สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราได้ตัวโคลาซินัคเข้ามา คุณเก็บแบ็คซ้ายเอาไว้สามคนไม่ได้”
เวนเกอร์ยอมรับด้วยว่าเป็นเรื่องเจ็บปวดที่เสียนักเตะอย่างกิ๊บส์และอเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนซึ่งโดนปล่อยให้ลิเวอร์พูลในวันปิดตลาดซื้อขาย หลังจากที่กันสร้างเส้นทางการค้าแข้งมานานหลายปี
“ตามที่คิดแล้วคุณต้องการความมั่นคงและคุณต้องการนักเตะที่จะมีคุณค่ายาวนานรุ่นสู่รุ่น”
“โดยรวมแล้วมันก็จริงที่กิ๊บส์จากไปเป็นความเจ็บปวดกว่าแชมเบอร์เลน เพราะเขาเรียนรู้กับที่อาร์เซน่อลมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ”
“เมื่อตอนเขาเข้ามาเขาเป็นปีกซ้าย ผมปรับให้เขามาเล่นฟูลแบ็คเพราะเขาไม่ถูกประเมินว่าคือคนที่จะกลายเป็นปีกซ้ายได้ แต่ผมเห็นบางสิ่งในตัวเขาที่ดูหลักแหลมมาก แล้วกับความเร็วแบบนั้นทำให้ผมคิดว่าเขาอาจเป็นแบ็คซ้ายได้”
“นักเตะอคาเดมี่น่ะมีคุณค่าที่คุณคิดว่าสำคัญ ซึ่งขึ้นอยู่กับเรื่องความคิด, ความถ่อมตน, ความเคารพและความทุ่มเท รวมไปถึงคุณภาพในด้านฟุตบอลด้วยซึ่งก็คือคุณพยายามจะเล่นในทางที่ดีอยู่เสมอ บวกกับการเล่นเป็นทีมอย่างแท้จริงและโฟกัสไปกับภาพรวม”